Skip to content
9 แพลตฟอร์มออกแบบกราฟิกสำหรับกราฟิกเว็บไซต์

รูปภาพเป็นส่วนประกอบหลักที่สำคัญที่มีอยู่ในทุกเว็บไซต์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่จะออกแบบเว็บไซต์ให้มีความสวยงามนั้น รูปภาพเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลย ให้ลองนึกภาพเว็บไซต์ที่มีแต่ขัอความนั้นจะขาดจุดดึงดูดที่จะให้ผู้ที่เข้ามาเว็บไซต์นั้นอยู่ในเว็บได้นานๆ เพราะถ้ามีถ้าข้อความเพียงอย่างเดียว ผู้เข้าชมอาจจะเบื่อที่จะต้องอ่านข้อความล้วนๆ ก็จะอยู่ในเว็บไซต์นั้นๆได้ไม่นานก็จะออกจากเว็บไซต์ไป

รูปภาพที่ประกอบในเว็บไซต์นั้นก็จะมีหลายแบบ ถ้าเป็นภาพถ่ายที่อาจจะมาจากการถ่ายเอง หรือจากเว็บไซต์ที่ให้บริการภาพฟรีหรือเสียเงิน ซึ่งแบบฟรีก็มีอยู่หลายเจ้า เช่น Pixabay, Freepik หรือถ้าเป็นภาพแบบเวกเตอร์พร้อมใช้งาน ก็เช่น Vecteezy, Freepik อย่างไรก็ตามในการสร้างเว็บไซต์นั้น เราไม่สามารถหารูปภาพได้จากแหล่งบริการภาพฟรีหรือแบบเสียเงินก็ตาม มาใช้กับเว็บไซต์ได้ทั้งหมด รูปภาพจำนวนไม่น้อยที่ต้องมีการสร้างขึ้นมาเอง เช่น โลโก้ของบริษัท ภาพปกของบทความ ภาพสินค้า แบนเนอร์ต่างๆ เป็นต้น

โดยปกติเราก็มักจะใช้โปรแกรมของค่าย Adobe อย่าง Photoshop กับ Illustrator ในการสร้างรูปภาพกัน แต่ทั้งสองโปรแกรมนี้อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ทั้งราคาต่อเดือนและการใช้งานที่ไม่ง่ายนักสำหรับผู้ที่ไม่ใช่นักออกแบบหรือผู้ที่ไมไ่ด้ใช้งานโปรแกรมเหล่านี้เป็นประจำ การจะสร้างงานกราฟิกด้วยสองโปรแกรมนี้ก็จะทำได้ค่อนข้างยาก

ถ้าพูดถึงเครื่องมือออกแบบกราฟิกแบบ Online คนส่วนใหญ่ก็คงจะนึกถึง แพลตฟอร์มยอดฮิตอย่าง Canva กัน รีวิวหรือสอนการใช้งานก็คงจะหาอ่านกันได้ไม่ยากนัก ซึ่งบทความนี้จะมาแนะนำแพลตฟอร์มสำหรับออกแบบกราฟิก ที่มีทั้งแบบ Online และแบบที่เป็นโปรแกรมติดตั้งลงเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยแบบออนไลน์นั้นส่วนใหญ่จะใช้งานแบบเบื้องต้นได้ฟรี เมื่อต้องการใช้ฟังก์ชั่นมากก็ค่อยจ่ายเงินเพิ่ม ส่วนแบบโปรแกรมนั้นจะมีทั้งแบบ Free และ เสียเงิน ซึ่งจะใช้สร้างงานได้ใกล้เคียง หรือใช้งานแทน Photoshop กับ Illustrator ได้เลย

Canva

1. Adobe Express (Online Graphic Design)

เป็นเครื่องมือออกแบบกราฟิกแบบ Online ของค่าย โดย Adobe Adobe Express การใช้งาานจะมีความคล้าย Canva เช่น มีเทมเพลตที่ช่วยให้สร้างงานกราฟิกได้ง่ายขึ้น, มีฟังก์ชั่น artificial intelligence หรือ AI เช่น เครื่องมือแปลงข้อความเป็นรูปภาพและเอฟเฟกต์ข้อความ ทำให้คุณสามารถสร้างรูปภาพและรูปแบบข้อความที่ไม่ซ้ำใครได้ง่ายๆ เพียงเขียนข้อความแจ้งไปที่ AI

Adobe Express ใช้งานได้ฟรี และมี Plan แบบ Premium และ Team โดยถ้าเป็นสมาชิกของ Adobe อยู่แล้ว ก็สามารถใช้ Plan ดั้งกล่าวกับเครื่องมืออื่นๆ ของทาง Adobe เช่น Adobe Stock และ Adobe Fonts

ข้อดี

  • เครื่องมือออกแบบกราฟิกแบบ Online
  • คุณสมบัติมากกว่า Canva
  • ราคา Premium และ Team ไม่แพง
  • ทำงานได้ดีกับบริการอื่นๆ ของ Adobe

ข้อสังเกต

  • ต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  • คุณสมบัติและทรัพยากรบางอย่างไม่รวมอยู่ในแผนฟรี

Adobe Express เป็นเครื่องมือกราฟิกที่ใช้งานง่าย โดยผู้สร้าง Photoshop ซึ่งเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับ Canva มันเป็นแอปบนเว็บที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย

2. Visme (Online Graphic Design)

Visme เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มออกแบบกราฟิกที่มีความคล้าย Canva เป็น Freemium Web Platform ที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณสร้างเนื้อหากราฟิกที่สวยงาม น่าดึงดูด และเข้ากับแบรนด์สำหรับเว็บไซต์ของคุณ

Visme มีไลบรารีเทมเพลต กราฟิก และองค์ประกอบที่ใช้ในการตแต่งได้มากมาย ช่วยให้คุณสามารสร้างแบนเนอร์เว็บไซต์ อินโฟกราฟิก แผนภูมิ และอื่นๆ ได้ง่ายดาย โดยสิ่งที่ Visma เหนือกว่า Canva ก็คือการสร้างเนื้อหาแบบ Interactive เช่น Charts, Maps และ Data Widgets อย่างไรก็ตามในระยะเริ่มต้นการใช้งานจะยากกว่าเล็กน้อย

ข้อดี

  • คุณสมบัติมากกว่า Canva
  • เครื่องมือออกแบบกราฟิกแบบ Online

ข้อสังเกต

  • ต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  • การเรียนรู้ยากกว่า Canva เล็กน้อย
  • คุณสมบัติและทรัพยากรบางอย่างไม่รวมอยู่ในแผนฟรี

Visme เป็นเครื่องมือออกแบบกราฟิกยอดนิยมที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 23 ล้านคนใน 133 ประเทศ มีราคาไม่แพง การใช้งานแบบออนไลน์บนเว็บไซต์ และเป็นคู่แข่งที่สำคัญของ Canva

3. Affinity Photo 2 (Photo Editor for Windows, Mac & iPad)

Affinity Photo 2 เป็นโปรแกรมสร้างแก้ไขและปรับแต่งภาพที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ใช้งานได้บน Windows, Mac และ iPad เป็นเครื่องมือที่มีคุณสมบัติขั้นสูง สามารถใช้ทดแทนได้ทั้ง Adobe Photoshop และ Adobe Lightroom เหมาะสำหรับมืออาชีพใช้สร้างงานกราฟิกที่มความหลากหลายมากกว่า

Affinity Photo เป็นโปรแกรมแบบซื้อขาด ชำระเงินครั้งเดียว ไม่ต้องจ่ายเป็นรายเดือน

ข้อดี

  • โปรแกรมระดับมืออาชีพมีคุณสมบัติการแก้ไขปรับแต่งภาพขั้นสูง
  • ใช้ได้ทั้ง Windows และ Mac
  • ชำเงินครั้งเดียว ไม่ต้องจ่ายรายเดือน

ข้อสังเกต

  • ไม่มีแบบฟรีให้ใช้งาน
  • ใช้งานยากกว่า Canva

4. Affinity Designer 2 (Vector Graphics for Windows, Mac & iPad)

Affinity Designer 2 เป็นโปรแกรมสร้างภาพเวกเตอร์ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ใช้งานได้บน Windows, Mac และ iPad เป็นเครื่องมือที่มีคุณสมบัติขั้นสูง มีความสามารถใกล้เคียงกับ Adobe Illustrator เรียกได้ว่าใช้ทดแทนกันได้เลย

Affinity Designer เป็นโปรแกรมแบบซื้อขาด ชำระเงินครั้งเดียว ไม่ต้องจ่ายเป็นรายเดือน

ข้อดี

  • โปรแกรมระดับมืออาชีพที่ใช้ในการสร้างแบบเวกเตอร์
  • ใช้ได้ทั้ง Windows และ Mac
  • ชำเงินครั้งเดียว ไม่ต้องจ่ายรายเดือน

ข้อสังเกต

  • ไม่มีแบบฟรีให้ใช้งาน
  • ใช้งานยากกว่า Canva

5. Piktochart (Online Infographic Maker)

Piktochart เป็นเครื่องมือที่ใช้สร้างงาน Infographic แบบออนไลน์ที่ใช้งานง่าย มีเทมเพลตในระดับมืออาชีพให้เลือกมากกว่า 600 แบบ ช่วยให้คุณสร้างงาน Infographic, Present, Posters และ Reports ได้อย่างรวดเร็ว

การใช้งานเมื่อเลือกเทมเพลตแล้ว ก็สามารถปรับแต่งได้อย่างง่ายดาย โดยใช้เครื่องมือแก้ไขแบบลากและวาง มีรูปภาพ ไอคอน และภาพประกอบฟรีให้เลือกใช้มากมาย และคุณสามารถเพิ่มแผนภูมิและกราฟ แผนที่ ไอคอน ภาพถ่าย และวิดีโอของคุณเองได้

Piktochart มีฟังก์ชั่น AI ให้ใช้งานได้ ทำให้การสร้างภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น คุณสมบัติเทมเพลตอัจฉริยะจะสร้างเทมเพลตใหม่ที่เหมาะกับความต้องการของคุณโดยอัตโนมัติ และคำแนะนำอัจฉริยะจะแนะนำแบบอักษร สี และไอคอนที่เหมาะสมเพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูด

Piktochart เริ่มต้นใช้งานได้ฟรีแต่มีแค่ฟีเจอร์และฟังก์ชั่นพื้นฐาน รวมถึงมีพื้นที่เก็บข้อมูลที่จำกัด ส่วนราคาแบบพรีเมีียมนั้นอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก

ข้อดี

  • เครื่องมือออกแบบกราฟิกแบบ Online
  • เน้นการสร้าง Infographic
  • มีเครื่องมือ AI

ข้อสังเกต

  • ต้องมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
  • แบบฟรีมีฟีเจอร์ที่จำกัด

6. Pixlr (Online Photo Editor)

Pixlr เป็นเครื่องมือแก้ไขรูปภาพแบบออนไลน์ Freemium ที่เหมาะสำหรับมือใหม่และผู้ที่ไม่ใช่นักออกแบบ มีคุณสมบัติคล้าย Photoshop แต่การใช้งานเหมาะกับมือใหม่มากกว่า ทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่า Canva สำหรับการรีทัชภาพ การปรับรายละเอียด และการแก้ไขในระดับสูง

เช่นเดียวกันกับ Canva, Pixlr มีเทมเพลตที่พร้อมใช้งานให้เลือกใช้มากมาย ช่วยให้มือใหม่เริ่มต้นได้ง่าย แบบ Premium มีราคาที่ถูกกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ นอกจากนี้ Pixlr ยังสร้างภาพจาก AI โดยกรอก Prompt (่คำอธิบาย) ที่ต้องการ แล้ว Pixlr จะสร้างภาพออกมาให้โดยอัตโนมัติ

ข้อดี

  • เครื่องมือแก้ไขภาพขั้นสูง
  • เตรื่องมือ AI สร้างภาพจาก Prompt (คำอธิบาย)
  • เครื่องมือออกแบบกราฟิกแบบ Online
  • เวอรืชั่นเสียเงิน ราคาถูกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ

ข้อสังเกต

  • ต้องมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
  • เวอร์ชี่นฟรีมีโฆษณา มีฟีเจอร์และพื้นที่เก็บข้อมูลจำกัด และไม่มีเครื่องมือ AI

7. Picmaker (Online Graphics Tool for Social Media)

Picmaker เป็นเครื่องมือออกแบบกราฟิกออนไลน์ที่ใช้งานง่าย เช่น Canva แต่ฟีเจอร์ของเครื่องมือนี้เน้นไปที่การสร้างภาพสำหรับ YouTube และ Social Media ต่างๆ โดย Picmaker มีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและมีเทมเพลตที่ช่วยให้ผู้เร่ิมต้นสร้างงานได้อย่างรวดเร็ว

Picmaker มีเครื่องมือและเทมเพลตที่เหมาะกับการสร้างภาพในช่อง Youtube เช่น การสร้างภาพ Thumbnails, ภาพหน้าปกช่อง และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมี AI ที่ใช้เพื่อปรับปรุงกระบวนการออกแบบ เช่น ใช้วิเคราะห์การตั้ง่ค่าของคุณและแนะนำเทมเพลตและองค์ประกอบที่เหมาะสม

Picmaker มีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน โดยแบบเสียเงินมีราคาที่ไม่แพง

ข้อดี

  • เครื่องมือออกแบบกราฟิกแบบ Online
  • แบบเสียเงิน ราคาไม่แพง
  • คุณสมบัติเน้นไปที่การสร้างภาพเพื่อ Youtube และ Social Media

ข้อสังเกต

  • ต้องมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
  • เวอร์ชั่นฟรีมีคุณสมบัติค่อนข้างจำกัด

8. Fotor (Online Photo Editor)

Fotor เป็นเครื่องมือแก้ไขรูปแบบแบบออนไลน์ ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับผู้ใช้ที่มีประสบการณ์ในการออกแบบที่แตกต่างกัน โดยจะมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขและการออกแบบภาพถ่าย มีเครื่องมือสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการการปรับปรุงรูปภาพโดยละเอียด นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือ AI หลายอย่าง เช่น เครื่องมือลบพื้นหลัง, ลบวัตถุ และเครื่องมือสร้างรูปภาพจาก AI ด้วยการพิมพ์ข้อความ โดยในเวอร์์ชั่นฟรีนั้นจะไม่มีเครื่องมือ AI เหล่านี้ ซึ่งในเวอร์ชั่นเสียเงินก็มีราคาที่ไม่แพง

ข้อดี

  • เครื่องมือออกแบบกราฟิกแบบ Online
  • มีฟีเจอร์ที่สร้างภาพจาก AI ได้
  • เวอร์ชั่นเสียเงิน ราคาไม่แพง

ข้อสังเกต

  • ต้องมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

9. PicMonkey (Online Graphics Tool for Social Media)

PicMonkey เป็นเครื่องมือแก้ไขรูปแบบแบบออนไลน์ที่ใช้งานง่าย สร้างโดย Shutterstock ผู้ให้บริการคลังภาพถ่าย, คลังวีดีโอ, คลังเพลง และเครื่องมือแก้ไข มีลักษณะคล้าย Picmaker คือเน้นไปที่การสร้างภาพสำหรับ Youtube และ Social Media ต่างๆ มีเทมเพลตสำหรับออกแบบโลโก้ แบนเนอร์ ภาพ Thumbnails และอื่นๆ

ถึงแม้ว่า Canva จะมีความหลากหลายมากกว่า แต่ PicMonkey มีเครื่องมือแก้ไขภาพที่ดีกว่าและมีความสามารถในการออกแบบที่สร้างสรรค์ เช่น การรีทัชภาพ ฟิลเตอร์ ภาพซ้อนทับ พื้นผิว และเอฟเฟกต์ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาเครื่องมือที่ใช้ในการปรับปรุงภาพและการออกแบบโดยละเอียด

PicMonkey เริ่มต้นใช้งานได้ฟรีมีคุณสมบัติมากมาย ส่วนเวอร์ชั่นเสียเงินก็มีราคาที่ไม่แพง

ข้อดี

  • เครื่องมือออกแบบกราฟิกแบบ Online
  • คุณสมบัติเน้นไปที่การสร้างภาพเพื่อ Youtube และ Social Media

ข้อสังเกต

  • ต้องมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

ข้อมูลจาก – wpbeginner

สรุป

Canva ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดตัวหนึ่งในการสร้างภาพกราฟิกแบบออนไลน์ มีราคาที่ไม่แพง ใช้งานง่าย สามารถทำงานด้านกราฟิกได้หลากหลาย โดยมี Visme เป็นคู่แข่งที่มีเครื่องมือที่คล้ายกันและครอบคลุมงานกราฟิกที่หลากหลาย ส่วนการทำงานแบบ Offline นั้น Affinity Photo กับ Affinity Designer ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ติดตั้งได้ทั้งบน Windows, Mac, iPad นอกจากนี้ถ้าเป็นงานแบบเฉพาะทาง เช่น ถ้าต้องการสร้าง Infographic ก็ไม่มีอะไรเหมาะสมไปกว่า Piktochart ส่วนการสร้างภาพสำหรับ Social Media นั้น Picmaker กับ PicMoney เป็นสองทางเลือกที่ดีที่สุด

Back To Top
Search