การทำ SEO Audit บนเว็บไซต์ WordPress เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอยู่ไม่ใช่น้อยสำหรับการทำอันดับ เพื่อเพิ่มปริมาณการเข้าชมและเพิ่ม Ranking ให้เว็บไซต์ในอนาคต การตรวจสอบ SEO Audit จะช่วยคุณประเมินเว็บไซต์ของคุณ ระบุ Keyword ที่มีแนวโน้มจะทำอันดับได้ง่าย และแก้ไข Onpage ที่สำคัญสำหรับการทำ Seo
Plugin AIOSEO ตัวช่วยชั้นดีในการทำ Seo Audit
AIOSEO หรือ All in one Seo pack เป็นปลั้กอินที่สามารถติดตั้งใช้งานได้ฟรีบน WordPress ได้อย่างง่ายดาย และมีฟังก์ชันที่ครอบคลุมการทำ Onpage Seo ให้ตั้งแต่การกำหนด H1,H2,H3 การตั้งค่า Meta Description การทำ Sitemap และอื่นๆ ปลั้กอินสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ ได้ดี มีทั้งแบบให้ใช้งานฟรีและเสียเงินเป็นรายปีเพื่อใช้งานฟังก์ชันที่ Advance กว่า
Checklist Seo Audit สำหรับ WordPress
- เช็คให้แน่ใจว่าเว็บไม่ถูกปิดกั้นจาก Search Engine
บางครั้ง WordPress นั้นก็มีระบบต่าง ๆ ที่ช่วยให้การทำเว็บไซต์นั้นง่ายขึ้น แต่ก็มีบางหัวข้อที่ช่วยปิดกั้นการเข้าถึงของ Search Engine ได้อย่างดี ซึ่งถ้าไม่เอาส่วนนี้ออกเว็บของคุณอาจไม่ได้รับการจัดอันดับใน Search Engine สักทีแม้ว่าจะทำเว็บเสร็จไปแล้ว1-2 เดือน
วิธีการก็แค่เข้าไปที่เมนู “Setting” และเข้าไปที่หน้า “Reading” สังเกตเมนู Search Engin visibility เมื่อเจอแล้วให้เอาเครื่องหมายถูกออกนะครับ เพียงเท่านี้เว็บไซต์ก็จะไม่โดนปิดกั้นแล้ว 
2. ตั้งค่า SSL certificate
Google และ Search Engine อื่นๆ จะให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่ปลอดภัยที่ใช้ HTTPS มากกว่าเว็บไซต์ที่ยังไม่ใช้ ดังนั้น SSL certificate จึงเป็น Seo Audit อันดับต่อมาที่ควรตรวจสอบ และการตั้งค่านี้อาจยุ่งยากมากในกรณีที่ไม่ใช่มืออาชีพ ที่คร่ำหวอดในวงการทำเว็บไซต์มาก่อน แต่ก็มีข่าวดีคือคุณสามารถตั้งค่าในส่วนนี้ได้พร้อมกับขอให้ Support ของทางโฮสติ้งช่วย เพราะโดยปกติแล้วซื้อโดเมนและโฮสติ้งมักจะมี Option SSL certificate มาให้ด้วยเสมอ
3. ตรวจสอบ URL ให้ตรงกันเสมอ
เรื่องของ URL ของเว็บไซต์นั้นหลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่การตั้งค่าให้ถูกต้องแม้เป็นเรื่องเล็กน้อยก็อาจสร้างความแตกต่างได้ ทั้งในมุมมองของการเข้าถึงเว็บไซต์และการจัดอันดับของ Search Engine อีกด้วย
การเช็ค URL ว่าตรงกันหรือไม่
- เข้าไปที่หน้า Dashboard ของเว็บไซต์ สังเกตเมนู WordPress Address URL และ Site Address URL
- ทั้ง 2 ส่วนนี้ต้องเหมือนกัน และขอแนะนำให้ใส่ www. ใน URL อยู่ด้วยเสมอ การทำเช่นนี้จะทำให้ Search Engine มองว่าเป็นเว็บเดียวกันและมีผลในการจัดอันดับด้วย
4. เพิ่มการ Index ง่ายๆ ด้วย Xml Sitemap
ลำดับต่อไปที่ต้องตรวจสอบคือมีแผนผังเว็บไซต์ หรือ XML ถูกส่งไปยังเครื่องมือค้นหาหรือไม่แผนผังเว็บไซต์ XML ช่วยให้อัลกอริทึมเครื่องมือค้นหาสามารถค้นหาและจัดทำดัชนีหน้าเว็บไซต์ของคุณได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ชี้ไปยังหน้าที่สำคัญที่สุดบนเว็บไซต์ของคุณได้
- คลิกไปที่ปลั้กอิน All in one Seo จากนั้นคลิกที่ “Sitemap” กด “Enable Sitemap”(สามารถกดดูพรีวิวได้ที่ปุ่ม “Open Sitemap”
5. หาลิงค์ EROR 404 ให้เจอและแก้ไขซะ
สำหรับเว็บไซต์ WordPress นั้นเราสามารถหา Broken Link ที่จะส่งผลต่อการจัดอันดับได้ โชคดีมากที่เรามีเครื่องมือตรวจสอบสิ่งนี้ นั่นคือปลั้กอิน Broken Link Checker เป็นปลั้กอินที่สามารถสแกนหาลิงค์เสียของเราได้ทั้งเว็บในคลิกเดียว และแก้ไขโดยการ Redirect ไปยังหน้าอื่นๆ ได้ ส่วนนี้จะทำให้เว็บนั้นน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นเมื่อ Bot มาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์
6. เพิ่มคำอธิบาย Meta Description
คุณสามารถเพิ่ม Meta Desriction ลงในบล็อกโพสต์หรือหน้า Landing Page ได้โดยใช้ AIOSEO ซึ่งจะมีแทกให้เลือกโดยอัติโนมัติ ในการตั้งค่าเพียงเลื่อนลงไปที่กล่องเมตาเท่านั้น
โดยปกติแล้ว AIOSEO จะให้ระบุไม่เกิน 160 ตัวอักษร
7. กำหนดลิงค์ภายใน และ ลิงค์ภายนอกให้สมดุลกัน
ในส่วนของ Internal link และ External link นั้นก็มีความสำคัญสำหรับ Seo ไม่ใช่น้อย ปลั้กอิน SEO ทั้ง 2 ตัวอย่าง All in one Seo และ Yoast by Seo ต่างก็ใช้ค่าตัวนี้ในการกำหนด Onpage ที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นใน 1 บทความคุณสามารถลิงค์ไปยังหน้าอื่นๆ ของเว็บไซต์ได้อย่างน้อย 1 Link และลิงค์ไปภายนอกด้วยเช่นกัน โดยการกำหนด Keyword ที่เกี่ยวข้อง
8. ตรวจสอบความเร็วของเว็บไซต์ (Loading Speed)
อย่างที่รู้ๆ กันว่าปัจจัยในการจัดอันดับของเว็บไซต์ของ Search Engine นั้น มีความเร็วมาเกี่ยวข้องด้วย เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับเว็บและผู้เข้าชมอย่างยิ่ง ดังนั้นเรามาเพิ่มสปีดของเว็บไซต์กัน
โดยพระเอกของงานนี้คือปลั้กอิน Monster Insights และ Google analytic นั่นเอง ทั้งสองตัวนี้จะช่วยให้มองภาพรวมของเว็บไซต์ว่าโหลดเร็วหรือไม่
เมื่อคุณเชื่อมต่อ Google Analytics กับเว็บไซต์ WordPress ของคุณแล้ว เพียงไปที่เมนู แดชบอร์ด WordPress ของคุณ แล้วคลิกแท็บ “Sitespeed” จะมองเห็น Score ของเว็บไซต์คุณได้อย่างชัดเจน
9. ตรวจสอบการใช้งานบนมือถือ (Mobile-Responsive )
เว็บไซต์ที่รองรับการใช้งานบนมือถือนั้นเป็นปัจจัยพื้นฐาน และ Google ให้ความสำคัญมานานแล้ว ดังนั้น WordPress ส่วนใหญ่จึงออกแบบเว็บโดยคำนึงถึงการใช้งานบนมือถือ สังเกตุเห็นได้ว่าธีมที่สร้างใหม่ในปัจจุบันต้องรับรับ Mobile-Responsive ในทุกทาง
วิธีการเช็ค Mobile-Responsive แบบง่าย ๆ เข้าไปที่หน้า Google’s Mobile-Friendly Test
ใส่ URL ที่ต้องการทดสอบ จากนั้นดูผลที่ได้ 
ถ้าเว็บไซต์รองรับการใช้งานบนมือถือ จะขึ้นผลลัพธ์แบบนี้
10. สแกนมัลแวร์และไวรัสอันตราบนเว็บไซต์
มัลแวร์และสแปมนั้นคือสิ่งต้องห้ามบนเว็บไซต์ ดังนั้นการกำจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปคือสิ่งที่ควรทำหลังจาก Chek Seo Audit เป็นที่เรียบร้อยแล้ว การสแกนนั้นทำได้ง่าย ๆ ผ่านปลั้กอิน WordPress security scanner.
11. เช็คผลลัพธ์อันดับการค้นหาบน Google Search Console
เมื่อเสร็จสิ้นการทำ Seo Audit แล้วสิ่งสุดท้ายในการเริ่มต้นทำอันดับบนเว็บไซต์นั้นคือการนำเว็บไซต์เพิ่มลงไปใน Google Search Console เพื่อตรวจสอบปริมาณการค้นหา การลดลงของผู้ใช้งาน และตรวจสอบการตั้งค่าอื่นๆ ในเบื้องต้น
เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้นกระบวนการในการ Audit เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามสิ่งนี้เป็นการเช็คข้อมูลและแก้ไขแบบเบื้องต้นเท่านั้น ที่จะนำไปสู่การทำ Backlink เพิ่มเสริมอันดับให้เว็บคุณต่อไป เมื่อ Onpage ของเว็บไซต์นั้นดีแล้ว เมื่อคุณเริ่มสร้าง Offpage ด้วย Backlink ที่ดีอันดับของเว็บไซต์ของคุณก็จะตามมาอย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง
Related Posts
