Skip to content
ทำความรู้จักเลขเวอร์ชั่นและการจัดการการอัปเดตใน WordPress

การใช้ CMS (Content Management System) หรือ ระบบการจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์ อย่าง WordPress นั้น ช่วยให้การสร้างเว็บไซต์ทำได้สะดวกและง่ายกว่าการเขียนเว็บไซต์เองมากๆ เพราะเพียงแค่ติดตั้ง WordPress, ธีม รวมถึง Plugin ที่เกี่ยวข้อง และเลือกใช้ Page Builder ที่ต้องการ และทำการสร้างส่วน Header, Footer และสร้างหน้า Page รวมถึง Post ซึ่งคอร์สฟรีแนะนำการสร้างเว็บด้วย WordPress ก็มีให้ศึกษามากมายจาก Youtube

แม้ว่าการสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress จะทำได้ไม่ยาก แต่สิ่งที่ต้องดูแลอยู่ตลอดเวลาคือการอัปเดตเวอร์ชั่นของ WordPress, Theme และ Plugin จากผู้พัฒนา

ทำไมต้องอัปเดตเวอร์ชั่น

การที่ผู้พัฒนามีการคิดฟังก์ชั่นใหม่ๆ ขึ้นมา หรือปรับปรุงแก้ไข Bug ที่พบเจอ หรือมีผู้ใช้แจ้งเช้ามา ผู้พัฒนาก็จะทำการอัปเดตเวอร์ชั่นให้ผู้ใช้ได้อัปเดต ซึ่งโดยหลักการแล้ว การอัปเดตจะมี 3 แบบ คือ Major, Minor, Patch ซึ่งผู้พัฒนาจะมีหลักการในการตั้งเลขเวอร์ชั่น โดยจะเรียกมาตรฐานนี้ว่า Semantic Versioning https://semver.org/

วิธีอ่านตัวเลขเวอร์ชั่น

ตัวเลขของเวอร์ชั่นจะมี 3 หลัก

1.2.3

1. Major Version – เป็นตัวเลขหน้าสุด Major.x.x เช่น WordPress จากเวอร์ชั่น 5.9.3 เป็น 6.0.0 การอัปเตตแบบนี้จะมาพร้อมกับการเปลีย่นแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งก็จะมีความเสี่ยงสูงว่าเว็บอาจจะพังได้ การจะอัปเดตแบบนี้ควรมีการ Backup เว็บไซต์ไว้ก่อน แต่โดยปกติถ้าเราอัปเดตเวอร์ชั่นอยู่สม่ำเสมอ ไม่ทิ้งการเวอร์ชั่นอัปเดตไปเป็นเวลานาน เช่น ใช้ WordPress เวอร์ชั่น 4.9.8 ไม่เคยอัปเดตเลยเป็นปี แล้วอยู่ๆจะมาอัปเดตเป็น 6.0.0 แบบนี้ก็โอกาสเกิดปัญหาหลังการอัเดตได้

2. Minor – ตัวเลขตรงกลาง x.Minor.x เป็นการอัปเดตย่อย เพื่อฟีเจอร์ใหม่ๆ การอัปเทตแบบนี้ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวเว็บพัง เพราะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

3. Patch – ตัวเลขที่ 3 x.x.Patch เป็นการอัปเดตเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ ของเวอร์ชั่นก่อนหน้า ทั้งด่้วยความผิดพลาดของตัวซอฟต์แวร์เอง หรือการทำงานที่ผิดพลาดไม่สมบูรณ์เมื่อใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์อื่นๆ เช่น Page Builder กับ WordPress การอัปเดตแบบนี้ปลอดภัย ไม่ทำให้เว็บพังแน่ๆ

การอัปเดตเวอร์ชั่นเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย บทความนี้จะขอแนะนำตัวช่วยในการ Update นั่นก็คือ ปลั๊กอิน Easy Updates Manager ซึ่งจะช่วยจัดการและควบคุมอัปเดตทุกประเภทใน WordPress ได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องกลัวว่าจะลืมอัปเดตเป็นเวลานานแล้ว พอจะมาอัปเดตก็กลัวเว็บจะพัง

ปลั๊กอิน Easy Updates Manager มีทั้งแบบเวอร์ชั่น Free และ Premium โดยแบบ Premium จะเริ่มต้นที่ Basic Plan ราคา $29 ต่อปี ใช้ได้ 2 เว็บไซต์ ส่วน Plan อื่นๆ ดูราคาได้จากภาพด้านล่าง

Easy Updates Manager Premium

การติดตั้งปลั๊กอิน Easy Updates Manager

ที่หลังบ้านคลิกที่ Plugins -> Add New Plugin

ช่อง Keyword ค้นหาจากคำว่า Easy Updates Manager

Install และ Activate ให้เรียบร้อย

การใช้งาน Easy Updates Manager

หน้าสำหรับตั้งค่าต่างๆ จะอยู่ที่ Dashboard -> Updates options

โดยปลั๊กอินจะตั้งค่าเป็น Enable all updates ให้เลย โดยเราต้องไปกำหนดในแต่ละส่วนว่าจะเปิด auto updates อัตโนมัติ เมื่อมีเวอร์ชั่นใหม่ ให้กับส่วนใดบ้าง

ส่วนนี้ใช้เลือกว่าจะให้ WordPresss, Plugin, Theme อัปเดตอัตโนมัติเมื่อมีเวอร์ชั่นใหม่เข้ามา

เช่น ต้องการให้ WordPresss, Plugin, Theme อัปเดตอัตโนมัติเมื่อมีเวอร์ชั่นใหม่ ก็เลือกตรง auto update ให้เป็นสีเขียว ส่วนตรง Translation updates ถ้ามีการใช้งาน Plugin Translation ก็มาจัดการตรงนี้ได้

สรุป

การอัปเดตเวอร์ชั่นในเว็บไซต์ WordPress เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย ควรหมั่นตรวจสอบเป็นประจำ แต่ถ้าใครที่ไม่ค่อยมีเวลาก็สามารถใช้ปลั๊กอิน Easy Updates Manager ช่วยจัดการได้ เพราะอย่างที่อธิบายไปข้างต้นว่า การทิ้งห่างเวอร์ชั่นอัปเดตไปเป็นเวลานาน เมื่อมีการอัปเดตแบบ Major แล้วข้ามเวอร์ชั่นไปมาก เช่นจาก 1.9.8 เป็น 3.0.0 อาจทำให้เว็บพังได้เลย ซึ่ง ปลั๊กอิน Easy Updates Manager ก็เป็นตัวช่วยที่ดีในการอัปเดตเวอร์ชั่น

Back To Top
Search