การแจ้งเตือนแบบพุช (Push notifications) เป็นช่องทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้มือถือ แต่การเพิ่มฟังก์ชันนี้อาจจะทำได้ยากสักหน่อย โชคดีที่มีปลั๊กอิน Push Notifications สำหรับ WP & AMP ทำให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้นมากจนใครๆ ก็ติดตั้งเองได้
Push Notifications for WP สามารถตั้งค่าและทำงานได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ทุกเว็บไซต์ควรจะมีปลั๊กอินตัวนี้อยู่ เพื่อที่จะมีการแจ้งเตือนแบบพุชเพื่อปรับปรุงประสบการณ์บนมือถือ และทำให้ผู้เยี่ยมชมกลับมาอ่านเว็บเราอีกครั้งเมื่อมีเนื้อหาใหม่ๆ ถูกเพิ่มเข้าไป
วิธีการติดตั้งปลั๊กอิน Push Notifications for WP
1. กดเมนู “Plugin”
2 คลิกที่ปุ่ม “Add new”
3 ค้นหา “Plugin ” ในช่องค้นหา
4 คลิกที่ปุ่ม ” Push Notifications for WP”
5. คลิกที่ปุ่ม “Activate”
การขอ API KEY
สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือการขอ API key ซึ่งจะต้องสร้างบัญชีผู้ใช้ซะก่อน กระบวนการนี้ง่ายมาก ๆ เหมือนกับการขอ API Akisment
เมนูแอดมินทางซ้ายมือ คลิกที่การแจ้งเตือนผ่านเมนู Push Notifications
คุณจะเห็นกล่องข้อความสำหรับคีย์ API ด้านล่างคุณจะพบลิงก์ลงทะเบียน คลิกที่ลิงก์ “Get the Key”
เบราว์เซอร์ของคุณจะเปิดแท็บใหม่ขึ้นมา ในหน้านั้นคุณจะต้องกรอกข้อมูล ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่อีเมล และรหัสผ่านสำหรับบัญชี หลังจากที่คุณกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้ว ให้คลิกที่ปุ่มที่เขียนว่า “Register”.
คุณสามารถดูจำนวนผู้ติดตามได้ที่นี่ รวมถึงส่งการแจ้งเตือนออกไป อย่างไรก็ตามคุณสามารถคัดลอก API ที่แท็บ “การตั้งค่า” (Settings tab) ได้เลย.
คัดลอกคีย์ API และวางลงในช่อง API .
การตั้งค่า
การตั้งค่านั้นง่ายต่อการทำความเข้าใจมาก และไม่ควรใช้เวลามากกว่า 1-2 นาที ตัวเลือกแรกคือตั้งค่าสำหรับไอคอนการแจ้งเตือน โดยค่าเริ่มต้น ปลั๊กอินจะใช้ไอคอนรูปกระดิ่งซึ่งก็ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ดีแนะนำให้ใช้โลโก้ของเว็บไซต์ของคุณเอง สิ่งนี้ช่วยสร้างการจดจำแบรนด์เนื่องจากผู้ใช้จะเห็นมันในทุกๆ การแจ้งเตือน
ใต้ส่วนโลโก้เว็บนี้ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะส่งการแจ้งเตือนหลังจากที่มีการแก้ไขโพสต์หรือเผยแพร่โพสต์หรือไม่ คุณสามารถทำเครื่องหมายในช่องตามที่คุณเห็นสมควร นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกเนื้อหาที่จะทำให้เกิดการแจ้งเตือนได้
การตั้งค่าเมนูต่าง ๆ
- Where would you like to display :ตำแหน่งที่ต้องการให้แสดงผลในหน้าจอมือถือ
- Popup banner message :ข้อความแสดงการแจ้งเตือน
- Popup banner accept. : ข้อความสำหรับการยอมรับการแจ้งเตือนเช่น “ยอมรับ”
- Popup banner decline :ข้อความปฏิเสธการแจ้งเตือน เช่น:ไม่ยอมรับ”
- Popup show again. :แสดงข้อความอีกครั้งหลังจากผู้ใช้ยินยอม (30 วัน)
- Show Popup after seconds (in Seconds) :ข้อความจะแสดงหลังจากเปิดหน้าเว็บ(เป็นวินาที)
- Show Popup after nth page view :โชวข้อความต่อกี่ยูสเซอร์ต่อ 1 เพจวิว
โดยค่าเริ่มต้น จะเป็นหน้า Post และหน้าเว็บเพจ คุณสามารถเปิดใช้งานการติดตาม UTM ได้ หากคุณไม่คุ้นเคยกับเครื่องมือนี้ขอแนะนำให้ปิดการใช้งานไว้ สุดท้ายอย่าลืมกด Save Setting
จะทำอย่างไรเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมยอมรับการแจ้งเตือนแบบสมัครใจ
นี่คือคำถามที่ดีมาก และบริษัทต่างๆ ได้ใช้เงินหลายล้านบาทบางทีอาจถึงหลายพันล้านบาทเพื่อพยายามหาคำตอบ ความจริงของสถานการณ์คือคุณไม่สามารถทำอะไรได้มากเพื่อรับประกันว่าจะได้ผู้ติดตาม แต่คุณสามารถทำให้ข้อเสนอมีความน่าสนใจขึ้น
ตัวอย่างเช่น คุณอาจสัญญาให้ผู้เยี่ยมชมได้รับรางวัลพิเศษ เช่น รหัสส่วนลด ที่สามารถรับได้ผ่านการแจ้งเตือนแบบพุช และบางครั้งก็ส่งมันออกไปโดยใช้ฟีเจอร์การแจ้งเตือนแบบกำหนดเอง
การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมมากขึ้นเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ แต่ยังสามารถช่วยส่งเสริมให้พวกเขาซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ของคุณหรือจากร้านค้าที่มีการโฆษณาได้ด้วย
การแจ้งเตือนแบบพุช (Push Notifications) มีผลต่อ SEO หรือไม่ ?
แม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันให้ทราบแน่ชัดว่าการแจ้งเตือนแบบพุชมีผลต่อ SEO โดยตรงหรือไม่ แต่มันสามารถมีอิทธิพลต่อปัจจัยที่มีผลต่อ SEO ได้ทางอ้อม อย่างเช่น การสร้างความรบกวนเล็กน้อยในการอ่านบทความหรือบดบังสายตาจากเนื้อหาที่สำคัญได้ ดังนั้นพยายามอย่าให้มันเกะกะสายตามากเกินไปในเว็บของเรา