Skip to content

เวลาทำเว็บไซต์ด้วย WordPress นั้น บางครั้งก็เลี่ยงไม่ได้ที่เราจำเป็นจะต้องใช้ปลั๊กอินหลายตัว เพราะหากเราไม่ใช่ Developer แล้ว ก็คงต้องหาปลั๊กอินมาตอบสนองในการที่ต้องการ และบางครั้งปลั๊กอินเหล่านี้ก็มักจะโหลดตัวเองในทุกๆ หน้าแม้ว่าจะไม่ได้มีการเรียกใช้งานในหน้านั้นก็ตาม

เช่นภาพด้านล่าง ปลั๊กอินอย่าง Contact Form 7 ก็โดนโหลดแม้ในหน้าที่ไม่ได้มีฟอร์มแต่อย่างใด รวมถึงปลั๊กอิน Elementor ที่เป็น Page Builder  ด้วยเช่นกัน

contact-form7-elementor

Plugin Organizer

คือปลั๊กอินที่จะช่วยให้เราใช้ในการ เปิด/ปิด การใช้งานปลั๊กอินในหน้าที่เราไม่ต้องการใช้งานได้ เช่น ปิด Page Builder แบบ Global (ทั้งเว็บ) แล้วเปิดใช้งานอีกทีเฉพาะหน้าที่เราใช้ Page Builder นั้น หรือ เปิดใช้งานเฉพาะบาง Post Type ก็ได้ เช่น เปิดบางปลั๊กอินสำหรับ Post แต่ปิดสำหรับ Page

Global Plugins

เมื่อทำการติดตั้งปลั๊กอิน Plugin Organizer และ Activate เรียบร้อยแล้วเราจะมาตั้งค่า Global Plugin กันก่อน เพื่อเป็นการตั้งค่าโดยรวมทั้งเว็บไซต์ว่าปลั๊กอินไหนส่วนใหญ่แล้วเราจะไม่ค่อยได้ใช้

ไปที่เมนู Plugin Organizer > Global Plugins

ทำการคลิกปลั๊กอินในแถบ Available Items คลิกได้หลายตัว เสร็จแล้วคลิกเครื่องหมาย > ที่แถบ Disabled Standard ในแถว Plugins เมื่อคลิกแล้วปลั๊กอินที่เราเลือกด้ายซ้าย ก็จะมาอยู่ในช่อง Disabled ด้านขวา หรือง่ายๆ ก็ใช้วิธีการลากกลับไปกลับมาได้เลย เสร็จแล้วก็คลิกปุ่ม Save เป็นอันเรียบร้อย โดยการตั้งค่า Global Plugins นี้จะกระทบกับทั้งเว็บ ปลั๊กอินที่เลือกจะไม่ทำงานบนหน้าเว็บ แม้เราอาจจะเห็นปลั๊กอินเหล่านั้นเวลาแก้ไขบทความก็ตาม

Post Type Plugins

เป็นการกำหนดในลักษณะของ Post Type ซึ่งก็จะจำเพาะเจาะจงมากขึ้นไปอีก โดยมาตฐาน WordPress ก็จะมี Post Type พื้นฐานอยู่ 2 ตัวคือ Post และ Page แต่ถ้ามีการติดตั้งปลั๊กอินบางตัวลงไปก็จะมี Post Type เพิ่มขึ้นมา พวกนี้จะเป็น Custom Post Type สามารถตั้งค่าได้ด้วยการไปที่เมนู Plugin Organizer > Post Type Plugins จากนั้นเลือก Post Type

ด้านล่างก็จะเป็นกล่องสำหรับตั้งค่าเปิดปิดการใช้งานของปลั๊กอินสำหรับ post type ที่เราเลือก

วิธีการตั้งค่าก็เหมือนกับ Global Plugins เพียงแต่ที่ช่องด้าน Disabled Standard จะมีปลั๊กอินที่ Disabled จากการตั้งค่า Global Plugins ไว้แล้ว เราก็อาจจะคลิกที่ปลั๊กอินที่ต้องการให้ทำงานบน post type ที่เราเลือก แล้วคลิกที่เครื่องหมาย < เพื่อย้ายปลั๊กอินนั้นมาทางช่องด้านซ้าย หรือจะคลิกแล้วลากมาก็ได้ ปลั๊กอินนั้นก็จะทำงานบน post type ที่เราเลือก วงกลมสีแดงที่อยู่ในรายชื่อ Available Items ทางด้านซ้าย ก็หมายถึงปลั๊กอินที่ถูก Disable อยู่นั่นเอง ทำเช่นเดียวกันนี้กับทั้ง Post และ Page ด้วยเลือกปลั๊กอินที่ต่างกันตามการใช้งาน ส่วนใหญ่เราจะไม่ค่อยได้ตั้งค่าพิเศษสำหรับ Page แต่หากใครใช้ Page Builder กับ Page เยอะหน่อย ก็อาจจะยกเลิกการ disable ตัวปลั๊กอินนั้น แต่สำหรับเราที่ไม่ค่อยได้ใช้ เราก็เลือกที่จะตั้งค่าที่หน้านั้นๆ แทน ซึ่งจะเป็นการ Override ค่าที่ตั้งไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Global หรือ Post Type ก็ตาม

การตั้งค่าเปิดปิดปลั๊กอินเฉพาะบางหน้า

การตั้งค่าปลั๊กอินเฉพาะหน้า เป็นการ Override ค่าที่ตั้งไว้สำหรับ Global และ Post Type Plugins แต่การที่จะทำเช่นนั้นได้เราต้องทำการเปิด Selective Plugins Loading เสียก่อน โดยการไปที่เมนู Plugin Organizer > Settings แล้วทำการเปิด Selective Plugin Loading เป็น On

เมื่อเราทำการแก้ไขบทความที่ Post หรือ Page ไหนก็ตาม หากเลื่อนมาด้านล่าง เราก็จะเจอกับกล่อง Plugin Organizer ให้ติ๊กที่ช่อง Override Post Type settings เสร็จแล้วก็ทำการตั้งค่าเหมือนขั้นตอนอื่นๆ ที่ผ่านมา โดยที่ด้านขวาสีแดงๆ นั้นก็คือปลั๊กอินที่เรา Disabled ไว้แบบ Post Type Plugins นั่นเอง

Ignore URL Arguments

Ignore URL Arguments คือ การตั้งค่าให้ระบบมอง url ของหน้าเว็บจริง กับหน้า preview เป็นหน้าเดียวกัน ไม่เช่นนั้น เวลาที่เรากด Preview ดูตัวอย่างหน้า ระบบจะมองว่าคนละ url เป็นคนละหน้า ทำให้ปลั๊กอินที่เราเปิดหรือปิดไว้นั้นไม่สามารถแสดงผลได้ เช่น หากใช้ปลั๊กอิน Contact Form 7 ระบบก็จะแสดงเป็น shortcode ในหน้า Preview แทนที่จะแสดงเป็นแบบฟอร์มตัวจริง

การตั้งค่า Ignore URL Arguments สามารถทำได้ด้วยการไปที่เมนู Plugin Organizer > Settings แล้วคลิกเปลี่ยน Ignore URL Arguments เป็น On

นี่ก็เป็นการตั้งค่าการใช้งานง่ายๆ เบื้องต้น เพราะปลั๊กอินนี้ยังมีอีกหลายฟังชั่น อย่างเช่น Plugin Filters ที่สามารถตั้ง url เพื่อกรองหน้าที่ต้องการเปิดปิดปลั๊กอินได้โดยอัตโนมัติ สามารถแยกกลุ่มปลั๊กอินเพื่อที่เราจะสามารถเปิดปิดทีเดียวทั้งกลุ่มเลยก็ได้ เหมาะกับคนที่ชอบคิดชอบจัดการโดยเฉพาะกับเว็บที่จำเป็นต้องใช้ปลั๊กอินจำนวนมาก

บทสรุป
เป็นปลั๊กอินที่สามารถช่วยจัดการปลั๊กอินได้อย่างดีมากๆ โดยเฉพาะปลั๊กอินบางตัวที่เราติดตั้งเพื่อใช้งานในจุดเล็กๆ เท่านั้น ทำให้เว็บโหลดเร็วขึ้นและใช้ทรัพยากรน้อยลงค่ะ
Customizability
Feature Availability
Easy to use
Flexibility
ข้อดี
ช่วยให้เว็บโหลดได้เร็วขึ้น
ลดการทำงานของเซิฟเวอร์
การตั้งค่ามีเยอะ ยืดหยุ่นสูง
สามารถแบ่งตามระดับของ User Role ได้
ข้อเสีย
การตั้งค่าต้องทำความเข้าใจพอสมควรสำหรับครั้งแรก
4.6
คะแนน
Back To Top
Search